“ยาพาราเซตามอล” เป็นยาแก้ปวดสารพัดได้ จริงหรือไม่?

“ยาพาราเซตามอล” เป็นยาแก้ปวดสารพัดได้ จริงหรือไม่?

ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) หรือที่รู้จักกันในชื่อ แอสไพริน (Aspirin) เป็นยาแก้ปวดและลดไข้ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมักใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดหัว ไข้ และอาการปวดอื่นๆ ยาพาราเซตามอลเป็นยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเมื่อใช้ตามคำแนะนำของแพทย์

ยาพาราเซตามอล (Paracetamol)

เป็นยาแก้ปวดและลดไข้ที่นิยมใช้มากที่สุดชนิดหนึ่งในโลก โดยมีวางจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ยาพาราเซตามอลเป็นหนึ่งในยาที่จำเป็นสำหรับระบบสุขภาพขั้นพื้นฐาน 

ยาพาราเซตามอลมีฤทธิ์ลดไข้และแก้ปวดได้ดี โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไซโคลออกซิเจเนส (Cyclooxygenase; COX) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จำเป็นในการสังเคราะห์สารพรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและการรับรู้ความเจ็บปวด ยาพาราเซตามอลจึงสามารถลดไข้และบรรเทาอาการปวดได้

ยาพาราเซตามอลมีรูปแบบไหนบ้าง

ยาพาราเซตามอลมีจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ เช่น เม็ด ยาแคปซูล ยาน้ำเชื่อม และยาเหน็บทวาร โดยขนาดยาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักของผู้ป่วย 

โดยทั่วไป ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่คือ 500-1,000 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่ควรใช้ยาพาราเซตามอลเกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน 

ยาพาราเซตามอลโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยเมื่อใช้ในขนาดที่แนะนำ อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง และผื่นผิวหนัง ในบางรายอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงได้ หากใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาด อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อตับได้

ยาพาราเซตามอลแก้ปวดอะไรได้บ้าง

ยาพาราเซตามอลสามารถใช้บรรเทาอาการปวดได้หลายชนิด เช่น ปวดหัว ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดประจำเดือน และปวดหลัง อย่างไรก็ตาม ยาพาราเซตามอลไม่ได้มีฤทธิ์ลดการอักเสบ จึงไม่เหมาะสำหรับใช้รักษาอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) หรือโรคลำไส้อักเสบ (Inflammatory bowel disease)

โรคประจำตัวที่ควรปรึกษาเภสัชก่อนใช้ยาทุกครั้ง

ยาพาราเซตามอลเป็นยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเมื่อใช้ในขนาดที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาพาราเซตามอลหากคุณมีภาวะต่อไปนี้

  • โรคตับ
  • โรคไต
  • โรคหัวใจ
  • โรคเบาหวาน
  • โรคโลหิตจาง
  • โรคหอบหืด
  • โรคต้อหิน
  • โรคต่อมลูกหมากโต
  • โรคไทรอยด์
  • โรคจิตเภท
  • โรคลมชัก
  • โรคพาร์กินสัน
  • โรคอัลไซเมอร์
  • โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia gravis)
  • โรค Guillain-Barré syndrome
  • โรค porphyria
  • โรคแพ้ยาพาราเซตามอล

ยาพาราเซตามอลอาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ได้ เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาลดความดันโลหิต ยาลดไขมันในเลือด ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยารักษาโรคเกาต์ ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาโรคซึมเศร้า และยาต้านไวรัสบางชนิด

ยาพาราเซตามอลเป็นยาแก้ปวดและลดไข้ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยเมื่อใช้ในขนาดที่แนะนำ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ยาพาราเซตามอลด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรใช้เกินขนาดที่แนะนำ หากมีข้อสงสัยหรือเกิดอาการข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

Back To Top